รีวิวซีรี่ส์ The Blacklist Season 1-3 : บัญชีดำอาชญากรรมซ่อนเงื่อน
กลับมารีวิวซีรี่ส์อีกครั้งหลังจากดองไว้หลายเรื่องเลยเริ่มที่เรื่องนี้ก่อนละกัน ผมไล่ดูโซโล่ตั้งแต่ SS1-3 จนถึงตอนล่าสุดแล้วก็กลัวจะลืมเลยเอามาเขียนรีวิวก่อนดีกว่า เรื่องย่อคร่าวๆแบบย่อมากๆก็คืออาชญากรเบอร์หนึ่งที่ FBI ต้องการตัวมาทำงานกับ FBI โดยข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้เขาไม่โดนจับคือเขาจะช่วย FBI จับอาชญากรในบัญชีดำของเขาซึ่งแต่ละคนก็เทพมากๆ FBI ก็เลยตกลง ok แล้วก็เริ่มงานกันได้
***Season 1***
สำหรับซีซั่นนี้หลังจากที่อ่านเรื่องย่อมาแล้วก็ตามนั้นแหละก็ไล่จับอาชญากรตัวเทพๆตามบัญชีของพี่แก เออลืมไปเลยพี่แกชื่อ เรย์มอนด์ เรดดิงตันนะ และก็พี่แกจะพูดให้ข้อมูลแก่อลิเซเบธ คีนเท่านั้น(เธอเป็น FBI)
ok มาต่อๆในแต่ละตอนเรย์(เรียกงี้ละกันนะ) ก็จะให้ข้อมูลจับอาชญากรตัวเทพๆแก่ FBI ในส่วน FBI ก็จับไปเรื่อยๆในแต่ละตอนก็มีความพีคของมันอยู่ มีหักมุม แต่เราจะรู้สึกได้เลยว่า เรย์แม่งฉลาดโคตรๆ เหมือนรู้ทุกอย่างจะเกิด
มีแผนสำรองไว้ตลอดพอเราดูไปเราก็จะอุ่นใจนิดนึงตรงคิดเสมอว่า เดี๋ยวเรย์ก็มาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ (แต่ก็ยังระทึกอยู่ดีอารมณ์บอกไม่ถูกต้องดูๆ) และก็แต่ละตอนดูแล้วไม่เบื่อเลยนะเพราะอาชญากรแต่ละคนนี้คือแบบเทพๆสำหรับด้านนั้นๆ
มีแผนสำรองไว้ตลอดพอเราดูไปเราก็จะอุ่นใจนิดนึงตรงคิดเสมอว่า เดี๋ยวเรย์ก็มาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ (แต่ก็ยังระทึกอยู่ดีอารมณ์บอกไม่ถูกต้องดูๆ) และก็แต่ละตอนดูแล้วไม่เบื่อเลยนะเพราะอาชญากรแต่ละคนนี้คือแบบเทพๆสำหรับด้านนั้นๆ
และเรื่องก็ทวีความพีคเข้มข้นตอนช่วงท้ายซีซั่นเพราะเรื่องมันเริ่มเข้ารูปเข้ารอยแล้ว(อารมณ์เหมือนเจอเมนหลักของเรื่อง) แต่ไอ้ที่เราดูมาเป็นสิบๆตอนเราแทบจะไม่รู้เกี่ยวกับเมนหลักของเรื่องเลยรู้แต่ว่ามันมีปมบางอย่างที่เรย์ปิดไว้ กว่าเราจะเริ่มรู้ก็ช่วงท้ายๆแล้วเออผมชอบนะ มันก็ทำให้คนดูอยากรู้ไปด้วยนั้นแหละ และก็จบซีซั่นไปอย่างกวนๆชวนให้ติดตามซีซั่นต่อไป
แต่ว่า ผมเพิ่งดูก็เลยไม่ทรมานเพราะดูต่อทันที แต่ก็ทำให้ผมอดหลับอดนอนดูข้ามวันเลยทีเดียว เพลงประกอบผมก็ชอบนะชอบทุกซีซั่นเลย 555
สรุปเหมาะสำหรับคนที่หาซีรี่ส์แนวตามจับอาชญากร และก็มีปมพลิกไปพลิกมา หักมุม มีความซับซ้อนมากๆ ตัวร้ายเทพๆ มีความลับเยอะแยะ ประมาณนี้
(มีรูปที่แคปจากซีรี่ส์อยู่ด้านล่างสุดเลยเลื่อนลงไปดูได้น่าจะไม่สปอยล์นะ ถ้ากลัวสปอยล์ก็ดูตอนแรกเลยสนุกเชื่อผมสิเรื่องนี้อะ 555)
(มีรูปที่แคปจากซีรี่ส์อยู่ด้านล่างสุดเลยเลื่อนลงไปดูได้น่าจะไม่สปอยล์นะ ถ้ากลัวสปอยล์ก็ดูตอนแรกเลยสนุกเชื่อผมสิเรื่องนี้อะ 555)
คะแนนซีรี่ส์ 8/10
ตัวอย่างซีรี่ส์ The Blacklist
***Season 2***
ยังไม่ได้ดูซีซั่นแรกอย่าลงมาอ่านอาจจะเจอสปอยล์แต่คงไม่เยอะ 55555 ซีซั่นนี้คงพิมพ์ไม่เยอะมากหลังจากที่ซีซั่นแรกเริ่มปูเมนหลักของเรื่องมาแล้ว
ซีซั่นนี้จะเข้าสู่เมนหลักของเรื่องแบบเต็มสตรีมในช่วงแรกๆเราก็ยังไม่รู้หรอกเรย์แกต้องการอะไรถึงมาคุยกับ อลิซาเบธ คีน แต่พอช่วงกลางๆเรื่องเราจะเริ่มรู้ละว่าทำไมเรย์ถึงต้องยุ่งกับคีน และก็มันเกี่ยวข้องกับเมนหลักของเรื่องแน่นอน
ซีซั่นนี้จะมีความดิบเถื่อนเพิ่มขึ้น FBI บางคนจากคนดีๆก็เริ่มมีความยืดหยุ่นมากขึ้นยอมทำผิดบ้างเพื่อสิ่งที่สำคัญกว่าอะไรทำนองนี้ ส่วนใครที่เปลี่ยนไปขอไม่บอกละกันให้ดูเอาดีกว่า
ส่วนเมนหลักของเรื่องในซีซั่นแรกมันก็จะทวีความซับซ้อนเพราะมันพลิกกลายเป็นเชื่อมไปยังเมนหลักของเรื่องอันใหม่ ซับซ้อนไปอีก เจ๋งๆชอบซีรี่ส์แบบนี้ 555
และเราก็จะอยู่กับเมนหลักอันใหม่นี้ซึ่งมีความเข้มข้นและเป็นวอร์สงครามระหว่างกลุ่มแบบเต็มรูปแบบ ผมนี่เอาใจช่วยเรย์ไม่ถูกเลยว่าจะเอาชนะสงครามนี้ได้ยังไง แต่ก็นะในใจลึกๆก็ยังคิดอยู่ว่าเรย์ทำได้เพราะพี่แกฉลาดมากก เออคิดงี้ตลอด
มันจะดูเหมือนตัวเอกเก่งนะแต่เราดูแล้วรู้สึกอินนะ กลัวไปหมดลุ้นไปด้วยมันไม่ได้ดูเก่งแบบเหนือๆแบบมาถึงก็ชนะไรงี้อะ
และก็ในช่วงท้ายจะมีการพลิกผันครั้งสำคัญของตัวละครเอกคนหนึ่งจึงกลายเป็นเมนหลักของเรื่องในซีซั่นถัดไป
ทำไมผมถึงใช้คำว่าเมนหลักแทนที่จะบอกว่าเรื่องอะไรก็เพราะว่าถ้าพูดไปมันก็จะสปอยล์นะสิ ก็เลยใช้คำนี้แทนดีกว่า
คะแนนซีรี่ส์ 8.5/10
***Season 3***
มาถึงซีซั่นล่าสุดละเนื่องจากตอนยังไม่เยอะมากก็ไม่รู้ในช่วงครึ่งหลังจะพีคขนาดไหนแต่ก็จะรีวิวเอาถึงตอนล่าสุดที่ดูละกันเนอะ( Ep.9) ก็เป็นเรื่องต่อจากซีซั่นที่แล้วซีซั่นนี้เรียกได้ว่าเราจะเห็นความเทพของเรย์เต็มรูปแบบในการใช้ช่วยเหลืออลิซาเบธ คีนและตอบโต้อีกพวก
และเราก็จะเห็นกึ๋นตัวร้ายว่าพวกนั้นก็ไม่ใช่อ่อนๆนะเว้ย ฉลาดเหมือนกันมีแผนล้มเรย์เช่นกัน จริงๆผมว่านะก็ตัวร้ายกันหมดอะ เอาเป็นว่าผมแทนสมการก่อน
เรย์ = คนดี
ตัวร้าย = คนไม่ดี
เอาตามนี้ละกัน
ตัวร้าย = คนไม่ดี
เอาตามนี้ละกัน
ผมชอบอยู่ตอนหนึ่งที่ใช้เทคนิคตัดต่อหลอกคนดูอะ ชอบมากกปลื้มเลยทีเดียว แต่ก็เอาเถอะ ดูจนถึงตอนที่ 9 นี้ปิดตอนได้ดีมากกกอยากดูตอนต่อไปล่ะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น